Author: admin

กลุ่มดาวราชาเซเฟอุส (CEPHEUS)

กลุ่มดาวราชาเซเฟอุส (CEPHEUS) กลุ่มดาวเซเฟอุสอยู่ใกล้ ๆ ดาวเหนือและดาวค้างคาว เซเฟอุสเป็นกษัตริย์ แห่งเอธิโอเบีย ภัสดาของพระนางแคสซิโอเบีย และพระบิดาของอันโดรมีดา กลุ่มดาวเซเฟอุส จะอยู่ตามแนวเส้นเมอริเดียน เมื่อเวลา 3 ทุ่ม ในวันที่ 25 ตุลาคม by: Torquoise story@phuketindex.com http://phuketindex.com/travel/photo-stories/other/s-star/cepheus.htm

กลุ่มดาวค้างคาว (CASSIOPEIA)

กลุ่มดาวค้างคาว (CASSIOPEIA) กลุ่มดาวค้างคาวมีดาวที่สว่างสุกใสอยู่ห้าดวง มีรูปร่างคล้ายค้างคากำลังบิน หรือคล้ายอักษรภาษาอังกฤษตัว W กลุ่มดาวนี้ใช้หาทิศเหนือได้ ตามนิยายดาว ของกรีกกล่าวว่า ก่อนคริสตศักราช 3,500 ปี CASSIOPEIA เป็นราชีนีที่สวยงาม ของกษัตริย์เซเฟอุสแห่งเอธิโอเปีย เป็นพระราชชนนีของอันโดรเมดา พระราชินี CASSIOPEIA เป็นคนหยิ่งถือตัว ไม่ค่อยฉลาดและขาดไหวพริบ พระนางชอบ คุยโม้อย่างเปิดเผยว่าพระนางสวยกว่าเทพธิดาแห่งทะเล เทพธิดาแห่งท้องทะเล โกรธมาก และต้องการให้พระนาง CASSIOPEIA  รู้สำนึก จึงไปฟ้องเทพเจ้า แห่งท้องทะเล (POSEICON) ผู้เป็นบิดา เทพเจ้าแห่งทะเล ได้ส่งปีศาจร้าย ไปรบกวนชายฝั่งเอธิโอเปีย และลงโทษพระนางแคสสิโอเปียที่อวดดี โดยให้จับ อันโดรเมดา บุตรสาวสวยของพระนางไปล่ามโซ๋ติดกับก้อนหินไว้ที่ชายทะเล กลุ่มดาวค้างคาวหรือกลุ่มดาวหญิงนั่งเก้าอี้ กลุ่มดาวค้างคาวเป็นกลุ่มดาวที่สะดุดตา หาง่ายอยู่ทางทิศเหนือตรงกันข้ามกับ กลุ่มดาวจระเข้ ฉะนั้นเมื่อเห็นกลุ่มดาวจระเข้ จะไม่เห็นกลุ่มดาวค้างคาว และเมื่อ เห็นกลุ่มดาวค้างคาวก็ไม่เห็นกลุ่มดาวจระเข้ กลุ่มดาวค้างคาวหรือกลุ่มดาวผู้หญิง นั่งเก้าอี้นี้ จะอยู่ตามแนวเส้นดึ่งกลางท้องฟ้าเมื่อเวลา 3

กลุ่มดาวจระเข้ หรือดาวหมีใหญ่ (Ursa Major)

กลุ่มดาวจระเข้ หรือดาวหมีใหญ่ (Ursa Major) กลุ่มดาวที่มนุษย์รู้จักดีที่สุด และใช้ประโยชน์ได้มากที่สุด คือ กลุ่มดาวจระเข้ ดาวกลุ่มนี้มี 7 ดวง มีลักษณะคล้ายกระบวยตักน้ำ 4 ดวงเป็นตัวกระบวย อีก 3 ดวง เป็นด้าน ชาวจีนและชาวยุโรปเขาเห็นเป็นรูปกระบวย จึงเรียกกลุ่มดาวกลุ่มนี้ว่า “กระบวยใหญ่” (Big Dipper) ชาวกรีกซึ่งเป็นดินแดนแห่งเทพนิยายอันเกี่ยวกับ ดวงดาวต่าง ๆ เห็นเป็น “หมีใหญ่” (Ursa Major)  คนไทยเห็นเป็น “จระเข้” ทั้งกรีกและไทย เห็นเหมือนกันอยู่ 1 อย่างคือ เห็นดาว 3 ดวง ทางด้ามกระบวยเป็นหางหมี และหางจระเข้เหมือนกัน นานมาแล้ว มีนิยายเล่ากันต่อ ๆ มาว่า หมีเป็นสัตว์ที่โง่เขลา ไม่รู้จักวิธี ทำให้อบอุ่น ในฤดูหนาว และมักจะร้องทุกข์เรื่องต่อพระเจ้าอยู่เสนอ

การอ่านแผนที่ดาว

การอ่านแผนที่ดาวเป็น ทำให้ผู้ดูดาวรู้จักกลุ่มดาวบนท้องฟ้าอย่างถูกต้อง ว่ากลุ่มดาว แต่ละกลุ่มนั้น มีดาวที่สำคัญอยู่กี่ดวง จินตนาการเห็นเป็นรูปอะไร กลุ่มดาวแต่ละกลุ่มนั้นอยู่ใกล้กันในลักษณะอย่างไร แผนที่ดาวไม่เหมือน แผนที่โลก เพราะแผนที่โลก เรายืนอยู่บนผิวโลก แล้วก้มมองลงไปยังพื้นผิวโลก ที่เราอยู่ แต่แผนที่ดาวเรานอนหงาย บนพื้นผิวโลกแล้วแหงนขึ้นไปดูดวงดาว ซึ่งดูเสมือน ติดอยู่ที่ขอบฟ้าสุดสายตา การดูดาวมีความจำเป็นมากที่จะต้อง อ่านแผนที่ดาวเป็น เพราะไม่สามารถใช้มือหรือ เครื่องมือใด ๆชี้กลุ่มดาว บนท้องฟ้าให้ผู้อื่นดูเห็นได้อย่างถูกต้อง นอกจากจะ ใช้ปากพูดว่า ตรงมือชี้ที่อยู่ใกล้ ๆ กับดวงสีนั้นสีนี้ รูปร่างเหมือนอย่างนั้นอย่างนี้ เหตุที่เป็น เช่นนี้เพราะท้องฟ้าที่ครอบเราอยู่นั้น มีรัศมีเป็นอนันต์ คน 2 คนชี้ดาวดวงเดียวกัน จะชี้ไม่ตรงกัน และถ้าเราลากเส้นตรง จากมือที่ใช้ชี้ดาวของคน 2 คน ไปยังดาว ดวงเดียวกันนั้นจะปรากฏว่าเส้น 2 เส้น นี้ขนานกัน เมื่อเห็นแผนที่ดาว วิธีอ่านที่ถูกต้อง ต้องนอนหงายอ่าน หันศีรษะไป ทิศเหนือ

วัตถุไคเปอร์บังดาวฤกษ์ เผยพื้นผิวขาวผิดปกติ

23 มิ.ย. 2553 รายงานโดย: วิมุติ วสะหลาย () คณะนักดาราศาสตร์จากหลายประเทศได้ร่วมสำรวจวัตถุไคเปอร์ชื่อ 55636 ด้วยวิธีใหม่ และได้พบว่าวัตถุดวงนี้สว่างกว่าวัตถุไคเปอร์ทั่วไป 55636 เดิมชื่อ 2002 TX300 โคจรรอบดวงอาทิตย์ด้วยรัศมีวงโคจร 48 หน่วยดาราศาสตร์ วัตถุไคเปอร์ เป็นวัตถุในระบบสุริยะ คล้ายดาวพลูโต โคจรรอบดวงอาทิตย์อยู่ในแถบไคเปอร์ ซึ่งอยู่ไกลพ้นวงโคจรของดาวเนปจูนออกไป การสำรวจครั้งนี้ใช้เทคนิคใหม่ นั่นคือใช้วิธีสังเกตการบังดาวฤกษ์ จากเส้นทางโคจรของวัตถุไคเปอร์ที่ทราบอยู่ก่อนแล้ว ทำให้นักดาราศาสตร์รู้ล่วงหน้าว่าวัตถุดวงนี้จะบังดาวฤกษ์ที่อยู่ฉากหลังดวงใด ณ วันเวลาใด จึงเตรียมการได้ตั้งแต่ล่วงหน้า 55636 บังดาวฤกษ์ฉากหลังไปเป็นเวลาประมาณ 10 วินาที แม้เวลาจะสั้นมาก แต่ก็ทำให้นักดาราศาสตร์คำนวณหาขนาดและอัตราสะท้อนแสงของวัตถุนี้ได้ และค่าทั้งสองค่าที่ได้มาก็ทำให้นักดาราศาสตร์ต้องประหลาดใจ 55636 มีขนาดเล็กกว่าที่เคยคิดไว้มาก ด้วยเส้นผ่านศูนย์กลางเพียง 300 กิโลเมตร นั่นก็ย่อมแปลว่าพื้นผิวของวัตถุดวงนี้สะท้อนแสงได้ดีกว่าที่เคยคิดไว้ด้วย และตัวเลขที่ได้แสดงว่าวัตถุดวงนี้ขาวจนเชื่อว่าพื้นผิวปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง วัตถุไคเปอร์ส่วนใหญ่มีสีคล้ำ ซึ่งเป็นผลจากการถูกอาบรังสีคอสมิกสะสมมาเป็นเวลานาน ดังนั้นการที่ 55636 มีความสว่างมากแสดงว่ามีกระบวนการสร้างพื้นผิวใหม่อยู่ หรือไม่ก็ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งที่คงอยู่ได้ในบริเวณขอบนอกระบบสุริยะได้นานนับพันล้านปี วัตถุหลายดวงในระบบสุริยะก็มีพื้นผิวสว่างเหมือนกัน เช่นพลูโต เอเซลาดัส พื้นผิวของวัตถุเหล่านี้ขาวโพลนไปด้วยละอองน้ำแข็งที่ควบแน่นมาจากน้ำในบรรยากาศที่พ่นขึ้นมาจากพุน้ำแข็ง กระบวนการนี้คล้ายการปะทุของภูเขาไฟ ต่างตรงที่สิ่งที่พ่นออกมาคือน้ำแทนที่จะเป็นลาวา แต่ 55636 มีขนาดเล็กเกินกว่าที่จะทำให้เกิดกระบวนการนี้ได้ ก่อนหน้านี้ในปี 2552 เคยมีการพบวัตถุไคเปอร์จากการสังเกตการบังดาวมาก่อนแล้ว แต่ในครั้งนั้นเป็นการสำรวจโดยการค้นหาข้อมูลจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลย้อนหลัง ซึ่งในครั้งนั้นก็พบวัตถุไคเปอร์มีขนาดเล็กมากเพียง 975 เมตร และอยู่ห่างออกไปถึง 6,700 ล้านกิโลเมตร แต่ครั้งนี้เป็นการสำรวจการบังดาวที่มีการคำนวณวันเวลาการบังไว้ล่วงหน้า ซึ่งเป็นครั้งแรกของการสำรวจแบบนี้ นักดาราศาสตร์สันนิษฐานว่า 55636 เป็นชิ้นส่วนที่หลุดออกมาจากการชนกันระหว่างดาวเคราะห์แคระชื่อ เฮาเมอา (Haumea) กับวัตถุดวงอื่นเมื่อราวหนึ่งพันล้านปีก่อน ที่มา: Occultation Reveals Distant Kuiper Belt Object is Surprisingly Icy Bright – universetoday.com http://thaiastro.nectec.or.th/news/viewnews.php?newsid=43 – สมาคมดาราศาสตร์ไทย